งบการเงิน มีอะไรบ้าง? สำรวจ 3 องค์ประกอบสำคัญที่คุณต้องรู้ | Optiwise
Article
29 ธันวาคม 2567

งบการเงินมีอะไรบ้าง? สำรวจ 3 องค์ประกอบสำคัญที่คุณต้องรู้

งบการเงินมีอะไรบ้าง? สำรวจ 3 องค์ประกอบสำคัญที่คุณต้องรู้

นักลงทุนได้รู้จักกับงบการเงินเบื้องต้นไปในตอนแรกกันแล้วว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์สถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท ตอนนี้เราจะพานักลงทุนไปรู้จักกับ รายละเอียดของแต่ละประเภทงบการเงิน อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อให้นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในภาพรวม งบการเงินจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ 

  1. งบดุล (Balance Sheet) 
  2. งบกำไรขาดทุน (Income Statement) 
  3. งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement) 

1. งบดุล (Balance Sheet)

งบดุล ทำหน้าที่แสดงภาพรวมของสถานะการเงินของบริษัท ณ ช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ณ วันสิ้นปีบัญชี โดยจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่

1.1 ทรัพย์สิน (Assets)

ทรัพย์สินคือสิ่งที่บริษัทเป็นเจ้าของและสามารถนำไปสร้างรายได้หรือเพิ่มมูลค่าได้ แบ่งเป็น

  • ทรัพย์สินหมุนเวียน (Current Assets): ทรัพย์สินที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ภายใน 1 ปี เช่น เงินสดและเงินฝากธนาคาร ลูกหนี้การค้า (เงินที่ลูกค้าค้างชำระ) และสินค้าคงคลัง
  • ทรัพย์สินไม่หมุนเวียน (Non-current Assets): ทรัพย์สินที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 1 ปี เช่น ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ การลงทุนระยะยาว และทรัพย์สินไม่มีตัวตน (เช่น สิทธิบัตรหรือแบรนด์)

1.2 หนี้สิน (Liabilities)

หนี้สินคือภาระผูกพันทางการเงินที่บริษัทต้องชำระ แบ่งเป็น

  • หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities): หนี้สินที่ต้องชำระภายใน 1 ปี เช่น เจ้าหนี้การค้า (เงินที่ต้องจ่ายให้ซัพพลายเออร์) เงินกู้ระยะสั้น
  • หนี้สินไม่หมุนเวียน (Non-current Liabilities): หนี้สินที่มีระยะเวลาการชำระนานกว่า 1 ปี เช่น เงินกู้ระยะยาว หุ้นกู้

1.3 ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity)

ส่วนของผู้ถือหุ้นคือส่วนที่เหลือหลังจากหักหนี้สินออกจากทรัพย์สิน รวมถึง

  • ทุนจดทะเบียน: คือจำนวนเงินทุน ที่บริษัทกำหนดไว้ในขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
  • กำไรสะสม: คือกำไรที่บริษัทมีการสะสมไว้ในช่วงเวลาต่าง ๆ และไม่ได้ถูกจ่ายออกเป็นเงินปันผล แต่ถูกเก็บไว้โดยมีวัตถุประสงค์คงไว้เพื่อการนำมาลงทุนต่อยอด หรือสำหรับวัตถุประสงค์อื่น ๆ ของบริษัท

2. งบกำไรขาดทุน (Income Statement)

งบกำไรขาดทุน ทำหน้าที่แสดงรายได้และค่าใช้จ่ายของบริษัทในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น ไตรมาสหรือปี โดยมีโครงสร้างสำคัญดังนี้

2.1 รายได้ (Revenue)

รายได้คือเงินที่บริษัทได้รับจากการขายสินค้าและบริการ แบ่งเป็น

  • รายได้จากการขาย (Operating Revenue): รายได้หลักจากกิจกรรมธุรกิจ เช่น การขายสินค้า
  • รายได้อื่น (Non-operating Revenue): รายได้ที่ไม่ได้มาจากกิจกรรมหลัก เช่น รายได้ดอกเบี้ย

2.2 ค่าใช้จ่าย (Expenses)

ค่าใช้จ่ายคือเงินที่บริษัทใช้ในการดำเนินธุรกิจ แบ่งเป็น

  • ต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold): ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตสินค้า
  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operating Expenses): ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช่า ค่าจ้าง
  • ดอกเบี้ยจ่ายและภาษี (Interest and Taxes): ดอกเบี้ยที่ต้องชำระและภาษีเงินได้

2.3 กำไร (Profit)

กำไรคือผลลัพธ์สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายออกจากรายได้ ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัท เช่น

  • กำไรขั้นต้น (Gross Profit): รายได้หลังหักต้นทุนขาย
  • กำไรสุทธิ (Net Profit): รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด

3. งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)

งบกระแสเงินสด แสดงการไหลเข้าและไหลออกของเงินสดในบริษัท แบ่งออกเป็น 3 ส่วน

3.1 กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Operating Activities)

ส่วนนี้แสดงเงินสดที่เกิดจากกิจกรรมหลักของธุรกิจ เช่น
  • รายรับจากการขายสินค้า
  • การจ่ายเงินให้กับคู่ค้า

3.2 กระแสเงินสดจากการลงทุน (Investing Activities)

ส่วนนี้แสดงการใช้เงินสดเพื่อการลงทุน เช่น

  • การซื้อหรือขายทรัพย์สินระยะยาว
  • การลงทุนในกิจการอื่น

3.3 กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน (Financing Activities)

ส่วนนี้แสดงการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างเงินทุนของบริษัท เช่น

  • การกู้ยืมเงิน
  • การจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น

ความสัมพันธ์ระหว่างงบการเงินแต่ละประเภท

งบการเงินทั้งสามประเภท – งบดุล (Balance Sheet), งบกำไรขาดทุน (Income Statement), และงบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement) – แม้จะแสดงข้อมูลที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดล้วนมีความสัมพันธ์กันและส่งผลต่อกันอย่างเกี่ยวเนื่อง นักลงทุนนอกจากจะต้องเข้าใจแต่ละงบการเงินแล้ว ยังต้องเข้าใจ "ความเชื่อมโยง" ระหว่างงบเหล่านี้ เพื่อวิเคราะห์ธุรกิจได้อย่างครบถ้วน

1. ความสัมพันธ์ระหว่างงบกำไรขาดทุนกับงบดุล

รายได้และค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนส่งผลต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุล

  • กำไรสุทธิ (Net Profit) ที่แสดงในงบกำไรขาดทุน จะถูกบันทึกลงใน กำไรสะสม (Retained Earnings) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) ในงบดุล
  • หากบริษัทมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้น แสดงว่าบริษัทมีผลประกอบการที่ดีและสามารถเก็บกำไรไว้ลงทุนต่อได้ แต่ถ้ากำไรสะสมลดลง อาจเกิดจากการขาดทุนหรือการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น

รายได้ที่ยังไม่ได้รับเงินสดส่งผลต่อบัญชีลูกหนี้

  • หากบริษัทมี รายได้ที่ยังไม่ได้รับเงินสด เช่น การขายสินค้าด้วยเครดิต จะถูกบันทึกเป็น ลูกหนี้การค้า (Accounts Receivable) ในงบดุล
  • ในทางกลับกัน หากบริษัทชำระหนี้สินค้าหรือบริการให้ลูกค้าแล้ว ลูกหนี้จะลดลง ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นในงบดุลด้วย

2. ความสัมพันธ์ระหว่างงบกำไรขาดทุนกับงบกระแสเงินสด

กำไรสุทธิในงบกำไรขาดทุนเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

  • งบกระแสเงินสดเริ่มต้นการคำนวณในส่วนของ กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Operating Cash Flow) ด้วย กำไรสุทธิ ที่มาจากงบกำไรขาดทุน
  • จากนั้น จะมีการปรับปรุงรายการที่ไม่ใช่เงินสด (Non-cash Items) เช่น ค่าเสื่อมราคา (Depreciation) และการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินหมุนเวียน เพื่อสะท้อนกระแสเงินสดที่แท้จริง

การลงทุนและต้นทุนส่งผลต่อกำไรและกระแสเงินสด

  • ต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในงบกำไรขาดทุน จะมีผลต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน หากบริษัทควบคุมต้นทุนได้ดี กระแสเงินสดจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
  • ในกรณีที่บริษัทลงทุนในสินทรัพย์ เช่น ซื้อเครื่องจักรหรืออาคาร จะไม่สะท้อนในงบกำไรขาดทุนทันที แต่จะถูกบันทึกใน กระแสเงินสดจากการลงทุน (Investing Activities) ในงบกระแสเงินสด

3. ความสัมพันธ์ระหว่างงบดุลกับงบกระแสเงินสด

การเปลี่ยนแปลงในงบดุลสะท้อนในงบกระแสเงินสด

  • การเปลี่ยนแปลงใน ทรัพย์สินหมุนเวียน หรือ หนี้สินหมุนเวียน ในงบดุล เช่น การเพิ่มขึ้นของลูกหนี้การค้า หรือการลดลงของเจ้าหนี้การค้า จะถูกสะท้อนในงบกระแสเงินสดในส่วนของการดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น หากลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น แสดงว่าบริษัทได้รับเงินสดน้อยลง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะลดลง
  • การเปลี่ยนแปลงใน ทรัพย์สินไม่หมุนเวียน เช่น การซื้อเครื่องจักรหรือการขายที่ดิน จะถูกบันทึกในกระแสเงินสดจากการลงทุน

การจัดหาเงินทุนส่งผลต่อทั้งงบดุลและงบกระแสเงินสด

  • หากบริษัทออกหุ้นเพิ่มทุน จะสะท้อนในส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุล และแสดงเป็น กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน (Financing Activities) ในงบกระแสเงินสด
  • หากบริษัทกู้ยืมเงินหรือชำระหนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้จะปรากฏทั้งในงบดุล (เพิ่มขึ้นหรือลดลงของหนี้สิน) และงบกระแสเงินสด

โดยสรุป

ความสัมพันธ์ระหว่างงบการเงินทั้งสามประเภทเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง

  • งบกำไรขาดทุนแสดงความสามารถในการทำกำไร
  • งบดุลแสดงสถานะทางการเงินในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
  • งบกระแสเงินสดแสดงการเคลื่อนไหวของเงินสดที่แท้จริง

เมื่อนักลงทุนมองภาพรวมของงบการเงินทั้งสามนี้ร่วมกัน นักลงทุนจะสามารถวิเคราะห์สุขภาพทางการเงินของบริษัทได้อย่างครบถ้วนและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ Optiwise

Optiwise ให้บริการที่ปรึกษาด้านนักลงทุนสัมพันธ์ บริการที่ปรึกษาด้าน ESG การออกแบบเว็บไซต์องค์กร (Corporate Website Design) และเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ (IR Website) พร้อมให้คำปรึกษาในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) และจัดทำเอกสารสำคัญของบริษัทมหาชน รวมถึงงานประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ Optiwise ติดต่อเราได้ที่นี่