SET ESG Ratings: ทำความเข้าใจเกณฑ์ประเมินความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน

SET ESG Ratings คือเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อประเมินความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน โดยพิจารณาจากสามมิติหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ซึ่งช่วยสร้างมาตรฐานในการวัดผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน พร้อมทั้งสนับสนุนการลงทุนและการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบในตลาดทุนไทย
SET ESG Ratings คืออะไร?
SET ESG Ratings เป็นเครื่องมือที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) พัฒนาขึ้นเพื่อประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน โดยพิจารณาจาก 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance)
จุดประสงค์หลักของ SET ESG Ratings คือการสร้างมาตรฐานในการวัดและเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนไทย โดยแบ่งระดับการประเมินออกเป็น 4 ระดับ คือ BBB, A, AA และ AAA ตามคะแนนที่ได้รับ
ความสำคัญของ SET ESG Ratings มีหลายประการ
- สำหรับนักลงทุน: ช่วยให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยสามารถพิจารณาความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจในระยะยาวของบริษัทต่างๆ ได้
- สำหรับบริษัทจดทะเบียน: เป็นเครื่องมือในการประเมินและพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG
- สำหรับตลาดทุน: ส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืน และยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนให้สอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนระดับโลก
SET ESG Ratings จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจและการลงทุนอย่างยั่งยืนในตลาดทุนไทย โดยสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้าน ESG ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน SET ESG Ratings
SET ESG Ratings เป็นการประเมินบริษัทจดทะเบียนที่สมัครใจเข้าร่วมตอบแบบประเมินความยั่งยืน (Sustainability Assessment Questionnaire) ประจำปีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญใน 3 มิติหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Governance & Economic)
กระบวนการประเมิน
กระบวนการประเมินประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้
- การรวบรวมข้อมูล: SET พิจารณาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทั้งข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เช่น รายงานประจำปีแบบ 56-1 One Report, รายงานความยั่งยืน และเว็บไซต์บริษัท
- การตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก: SET ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของบริษัท รวมถึงรายงานการประชุมคณะกรรมการ รายงานคณะทำงาน กระบวนการดำเนินงาน จรรยาบรรณธุรกิจ แผนธุรกิจ และรายงาน EIA เป็นต้น
- การประเมินผล: ผลการประเมินจะคำนวณตามน้ำหนักของแต่ละเกณฑ์ ซึ่งแตกต่างกันตามกลุ่มอุตสาหกรรมและประเด็นที่มีนัยสำคัญ โดยพิจารณาจากระดับการดำเนินงานของบริษัทในด้านนโยบาย กระบวนการ ผลการดำเนินงาน และการเปิดเผยข้อมูล
เกณฑ์การผ่านการประเมิน
บริษัทจดทะเบียนที่จะได้รับการจัดอันดับใน SET ESG Ratings ต้องผ่านเกณฑ์ดังนี้
- คะแนนขั้นต่ำ: ต้องได้คะแนนอย่างน้อย 50% ในแต่ละมิติ (บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม)
- เกณฑ์คุณสมบัติ: ต้องผ่านเกณฑ์คุณสมบัติต่างๆ เช่น
- ได้รับคะแนนการประเมิน Corporate Governance Report (CGR) ตั้งแต่ 3 ดาวขึ้นไป
- ไม่เคยถูกกล่าวหาหรือตัดสินว่ามีความผิดในเรื่องบรรษัทภิบาลหรือผลกระทบต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม
- ไม่มีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ
- มีกำไรสุทธิอย่างน้อย 3 ปีจาก 5 ปีที่ผ่านมา
- ไม่มีการประกาศจาก ก.ล.ต. เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดปกติของกรรมการหรือผู้บริหาร
ระดับการจัดอันดับ
บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่ SET ESG Ratings จะได้รับการจัดอันดับในระดับต่างๆ ดังนี้
- AAA: คะแนนรวม 90-100
- AA: คะแนนรวม 80-89
- A: คะแนนรวม 65-79
- BBB: คะแนนรวม 50-64
การเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ประกาศแผนการเปลี่ยนแปลงวิธีการประเมิน ESG โดยจะเปลี่ยนจากระบบ SET ESG Ratings ไปใช้ FTSE Russell ESG Scores ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล
- ในช่วงปี 2567-2568 จะเป็นระยะทดลอง (Pilot Phase) โดยยังคงใช้ SET ESG Ratings ควบคู่ไปด้วย
- ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป SET จะประกาศ FTSE Russell ESG Scores อย่างเป็นทางการและยกเลิกการใช้ SET ESG Ratings
การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานการประเมินความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนไทยสู่ระดับสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือ และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
รายชื่อหุ้น SET ESG Ratings ล่าสุด พร้อมวิธีตรวจสอบ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 โดยมีบริษัทที่ผ่านเกณฑ์และได้รับการประกาศผลประเมินรวมทั้งสิ้น 228 บริษัท ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ดังนี้
- ระดับ AAA: 56 บริษัท
- ระดับ AA: 80 บริษัท
- ระดับ A: 71 บริษัท
- ระดับ BBB: 21 บริษัท
บริษัทที่ได้รับการประเมินในระดับสูงสุด (AAA) มีจำนวน 56 บริษัท ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในตลาดทุนไทย ตัวอย่างบริษัทที่ได้รับการประเมินในระดับ AAA ได้แก่
- BCPG Public Company Limited (BCPG)
- Indorama Ventures Public Company Limited (IVL)
- Krungthai Card Public Company Limited (KTC)
นักลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ฉบับเต็มและล่าสุดได้จากแหล่งทางการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ที่ ประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ในเว็บไซต์ SET Sustainable Capital Market Development
นอกจากนี้ นักลงทุนควรทราบว่าบริษัทที่ได้รับการประเมิน SET ESG Ratings มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมคิดเป็น 82% เมื่อเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมดของ SET และ mai (ณ 12 ธันวาคม 2567) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของบริษัทเหล่านี้ในตลาดทุนไทย
ที่น่าสนใจคือ ในปี 2567 มีบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและเล็กที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 10,000 ล้านบาทสามารถผ่านเกณฑ์ SET ESG Ratings ได้ถึง 106 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 43% สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัททุกขนาด
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรตระหนักว่าการประเมิน SET ESG Ratings อาศัยข้อมูลที่บริษัทเปิดเผยเป็นหลัก และยังไม่มีกลไกรับเรื่องร้องเรียนที่อาจนำไปสู่การหักคะแนน ESG ระหว่างปี ดังนั้น นักลงทุนควรใช้ข้อมูลนี้ประกอบกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ ในการตัดสินใจลงทุน
กลยุทธ์กลงทุนอย่างยั่งยืนด้วย SET ESG Ratings
การใช้ข้อมูล SET ESG Ratings ในการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับนักลงทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนอย่างยั่งยืน โดยมีวิธีการดังนี้
- ใช้เป็นเครื่องมือคัดกรองเบื้องต้น: นักลงทุนสามารถใช้ SET ESG Ratings เป็นตัวกรองหุ้นเบื้องต้น โดยเลือกพิจารณาเฉพาะบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับในระดับสูง เช่น AA หรือ AAA เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความยั่งยืน
- วิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยพื้นฐาน: ควรพิจารณา SET ESG Ratings ควบคู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานทางการเงินของบริษัท เช่น อัตราส่วนทางการเงิน แนวโน้มการเติบโตของรายได้ และกำไร เพื่อให้ได้ภาพรวมที่สมบูรณ์ของบริษัท
- ประเมินความเสี่ยงในระยะยาว: ใช้ข้อมูล ESG เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ หรือประเด็นด้านสังคมที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
- มองหาโอกาสทางธุรกิจ: บริษัทที่มี ESG Rating สูงมักมีนวัตกรรมและโมเดลธุรกิจที่ตอบสนองต่อความท้าทายด้านความยั่งยืน ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต
- พิจารณาแนวโน้มการปรับปรุง: นอกจากดูระดับ Rating ปัจจุบัน ควรพิจารณาแนวโน้มการปรับปรุงผลการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัทด้วย บริษัทที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องอาจมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
- ใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยง: สร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความหลากหลายโดยกระจายการลงทุนในบริษัทที่มี ESG Rating ที่ดีในหลากหลายอุตสาหกรรม
- ติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Rating: เนื่องจาก SET ESG Ratings มีการประเมินทุกปี นักลงทุนควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Rating อย่างสม่ำเสมอ และปรับพอร์ตการลงทุนตามความเหมาะสม
- พิจารณาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม: นอกเหนือจากระดับ Rating ควรศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัท เช่น นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน หรือนโยบายด้านแรงงาน เพื่อให้เข้าใจการดำเนินงานของบริษัทอย่างแท้จริง
การใช้ SET ESG Ratings เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจลงทุนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความยั่งยืนและมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ควรใช้ข้อมูลนี้ประกอบกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ อย่างรอบด้านเพื่อการตัดสินใจลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
เกี่ยวกับ Optiwise
Optiwise ให้บริการที่ปรึกษาด้านนักลงทุนสัมพันธ์ บริการที่ปรึกษาด้าน ESG การออกแบบเว็บไซต์องค์กร (Corporate Website Design) และเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ (IR Website) พร้อมให้คำปรึกษาในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) และจัดทำเอกสารเพื่อเปิดเผยข้อมูลของบริษัทมหาชน รวมถึงงานประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ Optiwise ติดต่อเราได้ที่นี่