Article
05 พฤศจิกายน 2567
ความตกลงปารีส (Paris Agreement) คืออะไร และจะช่วยจำกัดอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 องศาได้อย่างไร
ความตกลงปารีส (Paris Agreement) เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่สำคัญว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งได้รับการรับรองในการประชุม COP21 ที่กรุงปารีสเมื่อปี 2015 โดยมีเป้าหมายหลักในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส
ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นจากการประชุม COP21 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2015 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ
ข้อตกลงนี้แตกต่างจากพิธีสารเกียวโตที่มีผลบังคับใช้ก่อนหน้า โดยไม่แบ่งแยกกลุ่มประเทศที่ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และให้แต่ละประเทศกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซได้เอง (Bottom-up Approach) ทำให้เป็นข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายฉบับแรกที่ครอบคลุมทุกประเทศในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เกี่ยวกับ Optiwise
Optiwise ให้บริการที่ปรึกษาด้านนักลงทุนสัมพันธ์ บริการที่ปรึกษาด้าน ESG การออกแบบเว็บไซต์องค์กร (Corporate Website Design) และเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ (IR Website) พร้อมให้คำปรึกษาในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) และจัดทำเอกสารสำคัญของบริษัทมหาชน รวมถึงงานประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ Optiwise ติดต่อเราได้ที่นี่
Paris Agreement คือ อะไร
ความตกลงปารีสเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ที่มีเป้าหมายหลักในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และพยายามจำกัดไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรมข้อตกลงนี้เกิดขึ้นจากการประชุม COP21 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2015 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ
- ควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก
- เพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- ทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนที่สอดคล้องกับการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ
ข้อตกลงนี้แตกต่างจากพิธีสารเกียวโตที่มีผลบังคับใช้ก่อนหน้า โดยไม่แบ่งแยกกลุ่มประเทศที่ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และให้แต่ละประเทศกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซได้เอง (Bottom-up Approach) ทำให้เป็นข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายฉบับแรกที่ครอบคลุมทุกประเทศในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทำความเข้าใจกับเป้าหมายสำคัญของ Paris Agreement
ความตกลงปารีสมีเป้าหมายและองค์ประกอบสำคัญหลายประการเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ- การจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: ข้อตกลงมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกในระดับที่สูงสุด (Global Peaking) โดยเร็วที่สุด และหลังจากนั้นจะดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการปล่อยและการดูดซับก๊าซเรือนกระจกในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษนี้
- การสนับสนุนจากประเทศพัฒนาแล้ว: ประเทศพัฒนาแล้วมีพันธกรณีในการให้การสนับสนุนทางการเงิน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเสริมสร้างศักยภาพแก่ประเทศกำลังพัฒนา เพื่อช่วยให้ประเทศเหล่านี้สามารถดำเนินการตามความตกลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของแต่ละประเทศ (NDCs): ทุกประเทศต้องจัดทำ "การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดขึ้น" (Nationally Determined Contribution: NDC) ซึ่งระบุเป้าหมายและแผนการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยต้องส่ง NDC ทุก 5 ปี และต้องแสดงความก้าวหน้าและความพยายามที่เพิ่มขึ้นในแต่ละรอบ
- กรอบความโปร่งใส: ความตกลงกำหนดให้มีการสร้างกรอบความโปร่งใสเพื่อติดตามและรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการของแต่ละประเทศ รวมถึงการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัว และการสนับสนุนที่ได้รับหรือให้แก่ประเทศอื่น
- การทบทวนระดับโลก: จะมีการประเมินความก้าวหน้าโดยรวมในการบรรลุวัตถุประสงค์ของความตกลงทุก 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2023 เพื่อให้แน่ใจว่าโลกกำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้
- การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ความตกลงให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวต่อผลกระทบทางลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมความสามารถในการฟื้นตัวจากผลกระทบดังกล่าว
ความท้าทายในการเดินหน้าสู่เป้าหมาย
การบรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีสเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญหลายประการ- การปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้น: แม้จะมีความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ปริมาณการปล่อยทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2022 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 1.1-1.2°C แล้ว ซึ่งใกล้เคียงกับขีดจำกัดที่ 1.5°C ที่ความตกลงปารีสพยายามควบคุม
- เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่ท้าทาย: เพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ที่ 1.5°C จำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างน้อย 50% ภายในปี 2030 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากจากทุกประเทศ
- การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน: ต้องเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นความท้าทายทั้งในด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ
- ความไม่เท่าเทียมระหว่างประเทศ: ประเทศกำลังพัฒนามักมีข้อจำกัดด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีในการดำเนินการตามเป้าหมาย ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วต้องให้การสนับสนุนทางการเงินและเทคโนโลยีที่เพียงพอ
- การปรับตัวของภาคเศรษฐกิจ: หลายประเทศต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะในภาคส่วนที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
- การติดตามและรายงานผล: การสร้างระบบการติดตามและรายงานผลที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพสำหรับทุกประเทศเป็นความท้าทายทางเทคนิคและการบริหารจัดการ
- การเมืองระหว่างประเทศ: ความขัดแย้งทางการเมืองและผลประโยชน์ระหว่างประเทศอาจส่งผลต่อความร่วมมือในการดำเนินการตามความตกลงปารีส
ความคืบหน้าและการดำเนินการ
ความคืบหน้าในการดำเนินการตามความตกลงปารีสมีดังนี้- การส่งเป้าหมาย NDCs: ประเทศภาคีได้ส่งเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDCs) ครั้งแรกในปี 2015 และมีการทบทวนเป้าหมายให้ท้าทายขึ้นในปี 2020 ตามที่กำหนดไว้ในความตกลง. ประเทศไทยได้ส่ง NDC ฉบับแรกในปี 2015 โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 20-25 ภายในปี 2030
- การประชุม COP ประจำปี: มีการจัดประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP) ทุกปีเพื่อติดตามความคืบหน้าและเจรจาประเด็นสำคัญ โดย COP26 ในปี 2021 ที่กลาสโกว์ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- การพัฒนายุทธศาสตร์ระยะยาว: หลายประเทศได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำระยะยาว (Long-term Low Emission Development Strategies: LT-LEDS) ตามที่ความตกลงปารีสส่งเสริม โดยประเทศไทยกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำยุทธศาสตร์ดังกล่าว
- การสนับสนุนทางการเงิน: มีความพยายามในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามความตกลงปารีส โดยประเทศพัฒนาแล้วได้ให้คำมั่นที่จะระดมทุน 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีภายในปี 2020 เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา
- การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ: นอกจากรัฐบาล ภาคเอกชนและประชาสังคมได้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามความตกลงปารีส เช่น การริเริ่มโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาเทคโนโลยีสะอาด และการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้
- การพัฒนากลไกตลาดคาร์บอน: มีความคืบหน้าในการพัฒนากลไกตลาดคาร์บอนระหว่างประเทศตามมาตรา 6 ของความตกลงปารีส โดยในการประชุม COP26 ได้มีการตกลงกฎเกณฑ์สำคัญเกี่ยวกับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ
บทสรุปและแนวทางขับเคลื่อนในอนาคต
ความตกลงปารีสเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับโลก แม้จะมีความก้าวหน้าในหลายด้าน แต่ยังคงมีความท้าทายที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมาย- ช่องว่างระหว่างเป้าหมายและการดำเนินงาน: แม้ประเทศต่างๆ จะกำหนดเป้าหมาย NDCs แต่ผลรวมของความพยายามในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 2°C จำเป็นต้องเพิ่มความทะเยอทะยานของเป้าหมายและเร่งการดำเนินงานอย่างเร่งด่วน
- การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน: การเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาดเป็นกุญแจสำคัญ แต่ยังคงมีอุปสรรคทั้งด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
- การสนับสนุนทางการเงิน: การระดมทุน 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนายังไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานในประเทศเหล่านี้
- ความร่วมมือระหว่างประเทศ: ความขัดแย้งทางการเมืองและผลประโยชน์แห่งชาติยังคงเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานร่วมกัน จำเป็นต้องเสริมสร้างความไว้วางใจและความร่วมมือระหว่างประเทศ
- การปรับตัวและความยืดหยุ่น: นอกจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับประเทศที่เปราะบาง
เกี่ยวกับ Optiwise
Optiwise ให้บริการที่ปรึกษาด้านนักลงทุนสัมพันธ์ บริการที่ปรึกษาด้าน ESG การออกแบบเว็บไซต์องค์กร (Corporate Website Design) และเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ (IR Website) พร้อมให้คำปรึกษาในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) และจัดทำเอกสารสำคัญของบริษัทมหาชน รวมถึงงานประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ Optiwise ติดต่อเราได้ที่นี่