ขั้นตอนสำคัญในการเตรียมความพร้อมเพื่อ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ | Optiwise
Article
12 พฤศจิกายน 2567

ขั้นตอนสำคัญในการเตรียมความพร้อมเพื่อการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ขั้นตอนสำคัญในการเตรียมความพร้อมเพื่อการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
การเตรียมตัวเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นขั้นตอนสำคัญที่เริ่มจากการประเมินความพร้อมของธุรกิจ โดยมุ่งเน้นที่ความมั่นคงทางการเงิน การมีระบบบัญชีและการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ คณะกรรมการบริษัทที่มีศักยภาพ และการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส เพื่อให้สามารถระดมทุนจากนักลงทุนและเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดทุน พร้อมทั้งเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และโอกาสทางธุรกิจในระดับสากล

ภาพรวมของการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นก้าวสำคัญสำหรับบริษัทที่ต้องการเติบโตและขยายธุรกิจ โดยเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไปได้โดยตรง เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือขยายกิจการ โดยไม่มีภาระในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเหมือนการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

ประโยชน์สำคัญที่บริษัทจะได้รับจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีดังนี้

  1. แหล่งระดมทุนระยะยาว: บริษัทสามารถระดมทุนเพื่อสนับสนุนการลงทุนหรือขยายธุรกิจในระยะยาว โดยปราศจากภาระดอกเบี้ยและการชำระคืนเงินต้น
  2. เสริมสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ: การเป็นบริษัทจดทะเบียนช่วยเพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท เนื่องจากต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และมาตรฐานต่างๆ รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
  3. เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ: การเป็นบริษัทจดทะเบียนช่วยเพิ่มโอกาสในการหาและเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะสนับสนุนการขยายตัวและเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจ
  4. พัฒนาการบริหารจัดการ: การเข้าจดทะเบียนช่วยให้บริษัทมีระบบบัญชีและระบบควบคุมภายในที่มีมาตรฐาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และมีการบริหารงานแบบมืออาชีพมากขึ้น
  5. เพิ่มความสามารถในการดึงดูดบุคลากร: บริษัทจดทะเบียนสามารถดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพได้ดีขึ้น ผ่านการให้ผลตอบแทนที่จูงใจ เช่น โครงการสะสมหุ้นสำหรับพนักงาน (EJIP) หรือโครงการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการและพนักงาน (ESOP)
  6. สร้างสภาพคล่องให้แก่ผู้ถือหุ้น: หุ้นของบริษัทจดทะเบียนสามารถซื้อขายได้ง่ายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ถือหุ้นสามารถเปลี่ยนหลักทรัพย์เป็นเงินสดได้สะดวกและรวดเร็ว
  7. สิทธิประโยชน์ทางภาษี: บริษัทจดทะเบียนอาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีบางประการ เช่น การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดายังได้รับการยกเว้นภาษีจากกำไรที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์
การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จึงเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในการแข่งขันบนเวทีระดับโลกได้อย่างยั่งยืน

การประเมินความพร้อมขององค์กร

การประเมินความพร้อมขององค์กรเป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทต้องพิจารณาคุณสมบัติพื้นฐาน วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อน และปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม

คุณสมบัติพื้นฐานที่จำเป็น (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568)

  1. ทุนชำระแล้ว: ต้องมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทสำหรับตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
  2. ผลการดำเนินงาน: ต้องมีกำไรสุทธิในระยะเวลา 2-3 ปีล่าสุดรวมกันไม่น้อยกว่า 125 ล้านบาท และในปีล่าสุดไม่น้อยกว่า 75 ล้านบาทสำหรับ SET หรือมีกำไรสุทธิในปีล่าสุดมากกว่า 25 ล้านบาท และมีกำไรสะสม 2-3 ปีล่าสุดรวมกันไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท สำหรับ mai
  3. การกระจายการถือหุ้นรายย่อย: สำหรับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต้องมีผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่น้อยกว่า 1,000 ราย และสำหรับตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ต้องมีผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่น้อยกว่า 300 ราย โดยผู้ถือหุ้นเหล่านี้จะต้องถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่า 20-30% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
* ดูข้อมูลกฏเกณฑ์และเงื่อนไข บริษัทที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยเพิ่มเติม ได้ที่นี่

การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจ

  • จุดแข็ง: ประเมินความสามารถในการแข่งขัน ส่วนแบ่งตลาด เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่โดดเด่น
  • จุดอ่อน: วิเคราะห์ข้อจำกัดด้านเงินทุน ทรัพยากรบุคคล หรือระบบการบริหารจัดการที่ต้องปรับปรุง
  • โอกาส: พิจารณาแนวโน้มตลาดและโอกาสในการขยายธุรกิจ
  • อุปสรรค: ประเมินความเสี่ยงจากการแข่งขัน กฎระเบียบ หรือปัจจัยภายนอกอื่นๆ
การปรับโครงสร้างองค์กร

  1. โครงสร้างการถือหุ้น: จัดโครงสร้างให้มีความชัดเจน โปร่งใส ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์
  2. คณะกรรมการบริษัท: แต่งตั้งคณะกรรมการที่มีความรู้และประสบการณ์หลากหลาย โดยมีสัดส่วนกรรมการอิสระตามเกณฑ์ที่กำหนด
  3. ระบบควบคุมภายใน: พัฒนาระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ
  4. การบริหารงาน: ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความเป็นมืออาชีพ มีการแบ่งแยกหน้าที่ชัดเจน และมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุล
การประเมินความพร้อมอย่างรอบด้านจะช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนการเข้าจดทะเบียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทควรพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินที่มีประสบการณ์เพื่อช่วยในการประเมินความพร้อมและวางแผนการเข้าจดทะเบียนอย่างเหมาะสม

การเตรียมการด้านการเงินและเอกสาร

การเตรียมความพร้อมด้านการเงินและเอกสารเป็นขั้นตอนสำคัญในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีประเด็นหลักที่ต้องดำเนินการดังนี้

1. การปรับปรุงงบการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐาน

บริษัทต้องปรับปรุงงบการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน (TFRS) ที่กำหนดโดยสภาวิชาชีพบัญชี ซึ่งอาจแตกต่างจากงบการเงินที่บริษัทใช้อยู่เดิม โดยต้องจัดทำงบการเงินย้อนหลัง 2-3 ปี ตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด นอกจากนี้ ต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้ตรวจสอบและแสดงความเห็นต่องบการเงิน

2. การวางแผนการใช้เงินทุนที่จะได้รับจาก IPO

บริษัทต้องมีแผนการใช้เงินที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล โดยระบุวัตถุประสงค์การใช้เงินและประมาณการจำนวนเงินที่ต้องการใช้ในแต่ละวัตถุประสงค์ เช่น การขยายกำลังการผลิต การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ หรือการชำระคืนเงินกู้ ทั้งนี้ แผนการใช้เงินควรสอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตของบริษัทในระยะยาว

3. การจัดเตรียมเอกสารสำหรับยื่นต่อ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์

เอกสารสำคัญที่ต้องจัดเตรียมประกอบด้วย
  • แบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ 35-1) ซึ่งต้องกรอกข้อมูลผ่านระบบ Digital IPO
  • หนังสือชี้ชวน ที่ระบุข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัทและการเสนอขายหลักทรัพย์
  • งบการเงินที่ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.
  • รายงานการตรวจสอบระบบควบคุมภายใน
  • เอกสารแสดงคุณสมบัติของกรรมการและผู้บริหาร
  • หนังสือรับรองจากบริษัทเกี่ยวกับการรับทราบภาระหน้าที่ความรับผิดชอบภายหลังการเข้าจดทะเบียน 
  • แผนธุรกิจและประมาณการทางการเงิน
นอกจากนี้ บริษัทควรจัดเตรียมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดทำเอกสารและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. เพื่อให้กระบวนการเตรียมความพร้อมและการยื่นเอกสารเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

การเตรียมความพร้อมด้านการเงินและเอกสารอย่างรอบคอบจะช่วยให้บริษัทสามารถผ่านกระบวนการพิจารณาของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างราบรื่น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการเสนอขายหุ้น IPO

การแต่งตั้งที่ปรึกษาและการยื่นคำขอ

การแต่งตั้งที่ปรึกษาและการยื่นคำขอเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

การแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินและผู้สอบบัญชี

บริษัทต้องแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในกระบวนการเข้าจดทะเบียน ที่ปรึกษาทางการเงินมีบทบาทสำคัญในการจัดเตรียมเอกสาร ตรวจสอบข้อมูล และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ บริษัทต้องแต่งตั้งผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. เพื่อตรวจสอบและแสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัท

กระบวนการยื่นคำขอต่อ ก.ล.ต.

  1. ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ 35-1) พร้อมเอกสารประกอบผ่านระบบ Digital IPO ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  2. ก.ล.ต. จะพิจารณาคำขอภายใน 120 + 45 วันนับแต่วันที่เอกสารครบถ้วน
  3. เมื่อ ก.ล.ต. อนุญาต บริษัทต้องเสนอขายหุ้น IPO ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ได้รับอนุญาต
  4. ยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์
การกำหนดราคาเสนอขายและการจัดสรรหุ้น

การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ผลการดำเนินงานของบริษัท มูลค่าตามบัญชี และสภาวะตลาด โดยทั่วไปจะใช้วิธี Bookbuilding ซึ่งเป็นการสำรวจความต้องการซื้อจากนักลงทุนสถาบัน

การแต่งตั้งที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์และการดำเนินการตามขั้นตอนอย่างรอบคอบจะช่วยให้กระบวนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

การเตรียมพร้อมสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียน

การเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นบริษัทจดทะเบียนเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

การปรับตัวสู่การเป็นบริษัทมหาชน

  1. ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทที่มีความหลากหลายและมีสัดส่วนกรรมการอิสระตามเกณฑ์ที่กำหนด
  2. พัฒนาระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน
  3. เตรียมความพร้อมของบุคลากร โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงและ CFO ให้มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น CFO ต้องผ่านการอบรมพัฒนาความรู้ต่อเนื่องด้านบัญชี 6 ชั่วโมงต่อปี
การเตรียมพร้อมด้านการเปิดเผยข้อมูลและนักลงทุนสัมพันธ์

  1. จัดตั้งหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์เพื่อทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลสำคัญของบริษัทให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นอย่างถูกต้องและทันเวลา
  2. พัฒนาระบบการจัดเก็บและรายงานข้อมูลทางการเงินและข้อมูลที่ไม่ใช่ทางการเงินให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
  3. เตรียมความพร้อมในการจัดทำรายงานประจำปีและแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) ตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์
ปัจจัยแห่งความสำเร็จและข้อควรระวัง

  1. การมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ชัดเจน สามารถสื่อสารให้นักลงทุนเข้าใจได้ง่าย
  2. การรักษาวินัยทางการเงินและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
  3. การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความผันผวนของตลาดและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
  4. ระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลอย่างเคร่งครัด
  5. การบริหารความคาดหวังของนักลงทุนให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของธุรกิจ เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือในระยะยาว
การเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านและการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีจะช่วยให้บริษัทสามารถปรับตัวสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

ขั้นตอนสุดท้ายสู่ความสำเร็จ

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นก้าวสำคัญที่เปิดโอกาสให้บริษัทเติบโตและขยายธุรกิจอย่างก้าวกระโดด แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น การเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดทุน

บริษัทที่ต้องการเข้าจดทะเบียนควรเริ่มจากการประเมินความพร้อมของตนเองอย่างจริงจัง ทั้งในด้านโครงสร้างธุรกิจ ผลการดำเนินงาน และระบบการควบคุมภายใน การปรับปรุงงบการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินและการวางแผนการใช้เงินทุนที่จะได้รับจาก IPO อย่างรอบคอบเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินและผู้สอบบัญชีที่มีประสบการณ์จะช่วยให้กระบวนการยื่นคำขอและการเตรียมเอกสารเป็นไปอย่างราบรื่น

การปรับตัวสู่การเป็นบริษัทมหาชนเป็นความท้าทายสำคัญ บริษัทต้องพัฒนาระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี เตรียมพร้อมด้านการเปิดเผยข้อมูล และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักลงทุน การรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและการปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จในระยะยาว

แม้ว่าการเข้าจดทะเบียนจะมีค่าใช้จ่ายและความท้าทาย แต่ประโยชน์ที่ได้รับ เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การเพิ่มภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ตลอดจนโอกาสในการขยายธุรกิจ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นเป้าหมายที่น่าดึงดูดสำหรับบริษัทที่มีศักยภาพ

ท้ายที่สุด ความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนและการเติบโตอย่างยั่งยืนในฐานะบริษัทจดทะเบียนขึ้นอยู่กับการวางแผนที่รอบคอบ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และความมุ่งมั่นในการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายในระยะยาว



เกี่ยวกับ Optiwise

Optiwise ให้บริการที่ปรึกษาด้านนักลงทุนสัมพันธ์ บริการที่ปรึกษาด้าน ESG การออกแบบเว็บไซต์องค์กร (Corporate Website Design) และเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ (IR Website) พร้อมให้คำปรึกษาในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) และจัดทำเอกสารสำคัญของบริษัทมหาชน รวมถึงงานประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ Optiwise ติดต่อเราได้ที่นี่